5 ข้อที่ควรทำก่อนพบสรรพากร
- ตั้งสติและตรวจสอบให้ดี
สิ่งสำคัญก็คือตั้งสติ อ่านและตรวจสอบให้ดีว่าจดหมายดังกล่าวระบุถึงเรื่องราวประเด็นใดไว้บ้าง จะตรวจภาษีอะไร ต้องการใช้เอกสารประเภทไหน วันเวลาเป็นอย่างไร นัดหมายเมื่อไหร่ หรือต้องโทรไปนัด ที่เลขหมายไหน เป็นต้น หลายท่านอาจจะตื่นตระหนกจนอ่านข้อความไม่ถี่ถ้วน จนทำให้เตรียมเอกสารผิดพลาดหรือเสียเวลาเตรียมเอกสารมากเกินความจำเป็น
การเข้ามาตรวจสอบหรือจดหมายที่ส่งมาอาจจะไม่ได้เลวร้ายเสมอไป ด้วยภาษีประเทศไทยนั้น เป็นระบบการประเมินการจ่ายด้วยตัวเอง บางครั้งอาจจะเกิดความผิดพลาดในการกรอกข้อมูลได้ ทางสรรพากรจึงขอเข้ามาตรวจแนะนำเพื่อให้ความรู้เท่านั้น
ที่สำคัญ ควรตรวจสอบให้ดีว่าเป็นจดหมายที่ถูกต้องตามหลักราชการหรือไม่มีผู้ใดเป็นผู้แอบอ้าง หรือเปล่า เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกหลอกลวง อย่าละเลยจดหมายเหล่านี้เด็ดขาด เพราะการพิสูจน์หลักฐานจะเป็นการแสดงเจตนารมณ์อันดีว่ากิจการของเราไม่ได้มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีและยอมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่นั่นเอง
- เตรียมเอกสารให้พร้อม
จากประเด็นในข้อแรก เราต้องอ่านเอกสารให้ถี่ถ้วนและตรวจสอบให้ดีว่าต้องการเอกสารอะไรบ้างหลังจากนั้นก็พยายามเตรียมเอกสารไว้พร้อม ตรวจเช็กอย่างรอบคอบ ศึกษาเอกสารเหล่านั้นไว้ให้ดี หากเตรียมเอกสารครบถ้วนแล้วก็ควรพิจารณาต่อไปอีกสักหน่อยว่าสิ่งใดในเอกสารที่อาจจะเป็นประเด็นหรือถูกซักถาม ก็ควรเตรียมเหตุผลหรือหลักฐานเพิ่มเติมเอาไว้ให้เรียบร้อย แต่พยายามอย่าเตรียมเอกสารไว้มากเกินจำเป็น เพราะบางครั้งเอกสารบางอย่างอาจนำไปสู่ประเด็นอื่น ๆ ที่เราไม่อยากนำเสนอ หรือไม่อยากให้ตรวจสอบก็ได้
- แสดงตัวว่าไม่ได้มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี
ไม่ว่าอยู่ในขั้นตอนไหนและไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อาจจะผิดจริงโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ พยายามแสดงเจตจำนงเอาไว้ตลอดว่า ทางบริษัทหรือตัวเจ้าของไม่ได้มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี และพร้อมให้ความร่วมในการตรวจสอบอยู่เสมอ และพร้อมที่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักการตลอดเวลา
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนลงนามอะไร
หากเกิดประเด็นใดประเด็นหนึ่งขึ้นมา อาจจะเป็นกรณีที่เราผิดจริงหรือไม่ได้ผิดจริง เราก็ควรปรึกษา ผู้ที่มีความรู้ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือกฎหมายก่อนลงนาม เพราะถ้าหากลงนามไปแล้ว อาจจะเป็นการยอมรับ สิ่งเหล่านั้นซึ่งอาจจะไม่สามารถแก้ไขได้ในอนาคต และอาจส่งผลเสียในระยะยาวมากกว่าที่คิด
- ขอลดเบี้ยปรับ ขอยื่นอุทธรณ์ ผ่อนชำระ
สำหรับกรณีที่เรามีความผิดจริง ก็ยังพอมีทางออกที่ช่วยเยียวยาได้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นการทำจดหมาย ยื่นคำร้องเพื่อขอลดเบี้ยปรับ จากเหตุผลที่ว่าไม่ได้เจตนารมณ์หลีกเลี่ยงภาษี แต่เป็นเพราะความผิดพลาด ด้านการคำนวณหรือความรู้ด้านกฎหมาย และหากคิดว่าไม่เป็นตามหลักการจริงๆ ก็สามารถยื่นอุทธรณ์ ได้อีกด้วย หรือท้ายที่สุดหากเบี้ยปรับเป็นจำนวนสูงและเราไม่สามารถผ่อนชำระได้ภายในครั้งเดียว อาจจะเป็นขอผ่อนชำระก็นับว่าเป็นทางออกที่ควรศึกษาไว้เช่นกัน
ประเด็นเรื่องภาษีและเอกสารนับว่าเป็นประเด็นสำคัญ หลายท่านมักจะมีหลักการประหยัดภาษี แบบถูกกฎหมายหลากหลายหลักการอยู่ เอาเป็นว่าศึกษาให้ดี วางแผนการเงินและภาษีให้รอบคอบ เพราะไม่ว่าจะทำธุรกิจประเภทไหน ไม่ใช่แค่สินค้าหรือบริการ แต่การเงินและภาษีก็เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องใส่ใจไม่แพ้กัน